NAVY SEAL หน่วยรบพิเศษ หน่วยซีล มนุษย์กบ (สัปดาห์นรก)

"นักทำลายใต้น้ำจู่โจม" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "มนุษย์กบ" เป็นนักรบที่มีประสิทธิภาพในการรบทุกมิติ
ประวัติหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.)
ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 กองกำลังทางเรือของทั้งฝ่ายพันธมิตรและฝ่ายอักษะ ต่างก็ได้ส่งหน่วยรบพิเศษ ซึ่งเป็นหน่วยรบขนาดเล็ก ที่ได้รับการฝึกให้มีขีดความสามารถเหนือทหารทั่วไป เข้าปฏิบัติการเพื่อทำลายกองเรือ ฝ่ายตรงข้าม ทำการก่อวินาศกรรม และปฏิบัติการลับอื่นๆ เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ภารกิจของหน่วยรบพิเศษได้มีการพัฒนาทั้งบุคลากรและอุปกรณ์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรบ รวมทั้งการพิจารณาหายุทธวิธีใหม ่ๆ เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจประสบผลสำเร็จมากยิ่งขึ้น

ปี พ.ศ. 2495 กระทรวงกลาโหม มีความคิดที่จะจัดตั้ง หน่วยทำลายใต้น้ำ โดยมีตัวแทนจากทุก ๆ เหล่าทัพ และ เจ้าหน้าที่จาก ทร.สหรัฐฯ ประจำหน่วย MAAG (MILITARY ASSISTANCE ADVISORY GROUP) ที่ประชุมมีมติให้ ทร.จัดตั้งหน่วยฝึก แต่เกิดปัญหาเนื่องจากครูผู้ฝึกสอนฝ่ายอเมริกันไม่พร้อม จึงระงับการฝึกไว้
ปี พ.ศ. 2496 บริษัท SEA SUPPLY เสนอให้การสนับสนุนการฝึก ให้กับกำลังพลของ ทร. และ ตร. ซึ่งผ่านการโดดร่มมาแล้ว
โดยกำลังพลชุดแรก ข้าราชการสังกัดกองทัพเรือ จำนวน 7 นาย กับข้าราชการสังกัดกรมตำรวจ 8 นาย ได้ถูกส่งไปฝึกหลักสูตรการทำลายใต้น้ำที่เกาะแห่งหนึ่ง ในมหาสมุทรแปซิฟิก ออกเดินทางจากประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2496 ภายหลังการฝึกประมาณ 11 สัปดาห์ มนุษย์กบกลุ่มแรกของเมืองไทย ก็เดินทางกลับมาสู่ประเทศไทย ต่อมา กองทัพเรือได้อนุมัติให้จัดตั้งหน่วยฝึกและอบรมการทำลายใต้น้ำขึ้น เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2496 โดยมีเรือโทวิษณุ ปาสากุล เป็นผู้บังคับหน่วยฝึก พร้อมทั้งทหารจากทางฝ่ายสหรัฐอเมริกา และผู้ที่ผ่านการฝึกจากต่างประเทศมาแล้ว ร่วมเป็นครูฝึก ทำการฝึกในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ใช้เวลาในการฝึกประมาณ 2 เดือน สำหรับนักเรียน นักทำลายใต้น้ำจู่โจมรุ่นแรกนี้ มีผู้สมัครเข้ารับการเรียน จำนวน 62 นาย ซึ่งเป็นข้าราชการ สังกัดกองทัพเรือ โดยมีผู้สำเร็จการฝึก เพียง 14 นาย รุ่นนี้ได้ถูกนับเป็นทำลายใต้น้ำรุ่นที่ 1 ส่วนกำลังพลที่ฝึกมาจากเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกนั้นนับเป็นรุ่น ศูนย์ หรือเรียกกันว่า “ รุ่นโอ”

ภารกิจของ "หน่วยซีล" ในกองทัพเรือไทย คือ..
การต่อต้านการก่อการร้ายสากล การปฏิบัติการจิตวิทยา ในพื้นที่ ทร.รับผิดชอบ การสำรวจหาด ทำลายสิ่งกีดขวางหน้าหาด ตัดรอนเป้าหมายสำคัญทางทหาร พื้นที่ยกพลขึ้นบก ดำเนินการด้านการข่าวลับ ก่อวินาศกรรม เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือ ปฏิบัติการค้นหา และทำลายวัตถุระเบิด การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ดำเนินการฝึกกำลังพลทดแทนของหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ ดำเนินการฝึกกำลังพลอื่นๆ ในขีดความสามารถ ตามที่ได้รับมอบหมาย ปฏิบัติการสงครามนอกแบบ การสนองงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กองทัพเรือ สนับสนุนโครงการอุทยานใต้ทะเลจุฬาภรณ์ 36 ถวายอารักขาและรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ ปฏิบัติภารกิจพิเศษอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย

การฝึกของหน่วยซีล
หรือหลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม ใช้ระยะเวลาประมาณ 7-8 เดือน นับเป็นการฝึกหลักสูตรทางทหารที่มีระยะเวลานานที่สุดของไทย แบ่งออกเป็น 5 ช่วง ได้แก่
1.การแนะนำการฝึกเบื้องต้น ฝึกการออกกำลังกายและการฝ่าอุปสรรคต่างๆ ใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์
2.การฝึกจริง ใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์
3.การฝึกแบบเข้มข้น หรือเรียกว่า "สัปดาห์นรก" ใช้เวลา 120 ชั่วโมงโดยไม่มีการหยุดพัก
4.การฝึกสอนยุทธวิธีต่างๆ
5.การฝึกยุทธวิธีในสภาพจริง ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน

เมื่อสำเร็จหลักสูตรจะได้ประดับตราความสามารถ ซึ่งออกแบบโดย พลเรือโทพัน รักษ์แก้ว โดยส่วนประกอบของตรามีความหมายดังนี้
-ปลาฉลาม สีขาวหรือสีน้ำเงิน หมายถึงจ้าวแห่งท้องทะเล ดุร้าย น่าเกรงขาม สง่างาม แข็งแกร่ง
- คลื่น หมายถึง ความน่ากลัวของทะเลที่มีเกลียวคลื่นตลอดเวลา หรืออุปสรรคของคลื่นหัวแตก แต่ฉลามก็ไม่ได้หวั่นเกรง
-สมอเรือ หมายถึง ทหารเรือ ในอดีตหลักสูตรจะรับเฉพาะทหารเรือเท่านั้น แต่ในปัจจุบันทางหน่วยได้รับทหารบก ทหารอากาศ และตำรวจเพิ่มด้วย
-ธงชาติ หมายถึง การยอมพลีเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
กฎสำคัญของนักเรียนนักทำลายใต้น้ำจู่โจม คือ มีจิตใจเข้มแข็ง กล้าเผชิญหน้าต่อปัญหาต่างๆ ตัดสินใจด้วยความเด็ดขาด รวดเร็ว แม่นยำ ถูกต้อง เอาตัวเองรอดได้โดยไม่ทิ้งเพื่อน และมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
หลักสูตร นักทำลายใต้น้ำจู่โจม (SEAL)หรือ "มนุษย์กบ" ถือเป็นหลักสูตร ที่โหด แกร่ง ท้าทาย และหนักที่สุดในบรรดา หลักสูตรหน่วย"รบพิเศษ"ของกองทัพไทย”
ต่อไปจะนำท่านเข้าสู่บรรยากาศในการฝึก "นักทำลายใต้น้ำจู่โจม" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "มนุษย์กบ"
ทหารหนุ่มจากสามเหล่าทัพรวมรวมทั้งข้าราชการตำรวจเดินทางมาพร้อมกันที่ฐานทัพเรือ สัตหีบ เพื่อข้ามไปยังเกาะรัก

การเดินทางเพื่อรายงานตัวเป็น นักเรียนนักทำลายใต้น้ำจู่โจมแห่งหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า หลักสูตรมนุษย์กบ

หลังจากรายงานตัว ผู้เข้ารายงานตัวจำนวน 112 นาย ก็ถูกทดสอบร่างกายตามหัวข้อต่างๆ ผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ต้องถูกคัดออกไป

กลับเข้ามาทดสอบร่างกายอีก ในที่สุดก็เหลือผู้ที่จะเข้าเป็น นักเรียน นักทำลายใต้น้ำจู่โจม จำนวน 60 นาย ที่พร้อมจะก้าวสู่ พิธีเปิด

เมื่อพิธีเปิดหลักสูตรนักเรียนนักทำลายใต้น้ำจู่โจม เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ นักเรียน นักทำลายใต้น้ำจู่โจม ทุกนาย จะไม่มียศ ไม่มีชื่อ มีเพียงรหัสที่ทางหลักสูตรกำหนดให้เท่านั้น

Hooya (ฮูย่า) เป็นคำที่ถูกใช้แทนคำหลายๆคำ ซึ่งคำว่า Hooya(ฮูย่า)นี้ กล่าวกันว่า เป็นคำตะโกนร้องของพวกอินเดียแดง ในการประสบชัยชนะ จากการสู้รบ

หลังพิธีเปิด ก็เข้าสู่การรับน้อง

วิ่งขึ้นเขาเพื่อสักการะศาลกรมหลวงหลวงชุมพร

และเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายที่ถือกันว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งรุ่นที่ปฏิบัติกันมาช้านาน คือการนำธงสัญลักษณ์รุ่น ขึ้นสู่ยอดเขาสูงสุด บนเกาะพระแห่งนี้ ซึ่งไม่ใช่ทุกนายที่เข้ามาอบรมจะได้ผ่านเข้ามาถึงจุดนี้ได้

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปหลังทำพิธีเปิดหลักสูตร เมื่อถึงเย็นวันที่นัดหมายนักเรียน นักทำลายใต้น้ำจู่โจมได้ เดินทางกลับเข้ามาโรงเรียน เพื่อเตรียมตัวสู่การฝึกและเรียนรู้ในช่วงต้นของหลักสูตร

การเรียนรู้สิ่งต่างๆในช่วงต้นของหลักสูตร ประกอบด้วย
-การทดสอบ”บัดดี้รัน” หรือ “การแบกสัมภาระวิ่ง” ระยะทาง 3 ไมล์ หรือ 4.8 กิโลเมตร ในเวลา ไม่เกิน 28 นาทีในช่วงต้นนี้แทบไม่มีใครผ่านเกณฑ์

-การวิ่งข้ามเครื่องกีดขวาง

-ฝึกว่ายน้ำระยะ 1 ไมล์ทะเล

-ฝึกดำน้ำตัวเปล่า

-ฝึกดำน้ำผูกเชือก

-ฝึกลอยตัวถอดชุดในน้ำ

โดยครูฝึกจะไม่ละเลยการฝึกความอดทนให้กับผู้เข้ารับการฝึกในรูปแบบต่างๆแม้ในขณะรับประทานอาหาร

เรือยางถือเป็นพาหนะคู่ใจของนักเรียน นักทำลายใต้น้ำจู่โจม ดังนั้นครูฝึกจะต้องทำให้ เรือยางนี้ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนักเรียน ไม่ว่าจะบนบก หรือในน้ำ

-การฝึกเรือยางข้ามภูมิประเทศ

-การฝึกซุง

โดยฝึกอย่างเข้มข้น เพราะต้องทำงานได้ทุกสภาพอากาศ และสิ่งสำคัญคือทำงานเป็นทีม จะขาดผู้หนึ่งผู้ใดไม่ได้เพราะทุกคนมีหน้าที่ ส่วนใหญ่เราฝึกการทำงานเป็นทีม

"สัปดาห์นรก" หรือ สัปดาห์ทดสอบร่างกายและจิตใจ ใช้เวลาประมาณ 5 วันเต็ม หรือ 120 ชั่วโมง นักเรียนทุกนายจะไม่ได้นอนตลอดช่วงสัปดาห์นรกนี้ ต้องฝึกและได้รับการทดสอบสภาพร่างกายและจิตใจอย่างต่อเนื่อง ตามลำดับหัวข้อที่กำหนด ครูฝึกแบ่งออกเป็นสามชุดและผลัดกันมาฝึกและทดสอบนักเรียนอย่างต่อเนื่อง กติกาหนึ่งที่สำคัญสำหรับการฝึกสัปดาห์นรกนี้ คือกำหนดไม่ให้ลาออกในระหว่างการฝึกและทดสอบ หากต้องการลาออกให้เวลาที่เปลี่ยนหัวข้อการฝึกการทดสอบแต่ละหัวข้อ ซึ่งมีเวลาน้อยมาก ด้วยการตีระฆังเพื่อขอลาออก และห้ามพักหรือป่วยเกิน 1 ชั่วโมง ถ้าพ้นเวลาที่กำหนดจะพ้นจากการเป็นนักเรียนทันที

เช้าวันแรกของการฝึกสัปดาห์นรกคือ

การแบกเรือยางวิ่ง เป็นระยะทาง 4 ไมล์
จากนั้นเป็นการพายเรือยาง
แบกซุงในเวลากลางคืน
ว่ายน้ำ 2 ไมล์ทะเล หรือ 3.6 กิโลเมตร โดยต้องผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
วิ่งเปี้ยวระเบิด
นำเรือยางผ่านสนามทุ่นระเบิด
นำเรือยางผ่านโขดหินในเวลากลางคืน
ปัญหาผี นักเรียนต้องนำข้อมูลจากศพมารายงานครูฝึก
นำเรือยางผ่านทะเลโคลน
การปลดพันธนาการและการถอดชุดในทะเล
การแบกปืนขึ้นเขาเพื่อจำลองสถานการณ์ว่า เป็นการนำปืนใหญ่ขึ้นสู่ยอดเขาสูง
การนำเรือยางผ่านเครื่องกีดขวางโดยไม่ให้เรือยางสัมผัสกับสิ่งกีดขวาง